Chocolatier's Love บทที่2

 

เช้าวันต่อมา โยชิกิตื่นนอนในเวลาเดียวกับทุกวัน แม้จะเป็นวัน หยุดก็ยังตื่นไวจนนึกเสียดายเวลานอน ถึงจะบ่นกับตัวเองว่าต่อให้ตื่นตั้งแต่ เจ็ดโมงครึ่งก็ไม่มีอะไรให้ทําอยู่ดี แต่ก็ยันร่างลุกจากเตียงนุ่มโดยไม่คิดจะล้มตัวนอนต่อ

มื้อเช้าเป็นขนมปังปิ้งทาแยมและชาร้อนหนึ่งแก้วเหมือนกับวันอื่นๆ หากเป็นวันทํางาน ป่านนี้เขาคงจะกําลังรีบกินมื้อเช้าให้เสร็จ แล้วก็รีบแปรงฟันไปทํางานแล้ว

แต่เพราะวันนี้ไม่จําเป็นต้องรีบ จึงทําให้บางอย่างในใจของเขาแปรปรวนไม่ปกติ

ตอนนี้ฮาระจะทําอะไรอยู่นะ....บ้าจริง ดันเผลอคิดถึงฝ่ายนั้นไปเสียได้ คงเป็นเพราะเอาแก้วที่ฮาระเคยใช้สมัยคบกันมาใช้ดื่มชากระมัง

มันไม่ใช่แก้วที่ดีเลิศแต่อย่างใด เป็นแค่ของแถมจากการซื้ออะไรสักอย่าง ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่แก้วใบนี้กลายเป็นแก้วประจําตัวของฮาระ ถ้าเกิดมีรอยบินขึ้นมาก็ตั้งใจว่าจะทิ้งไปเสีย เขาเคยคิดแบบนั้น แต่ก็ยังหยิบมันมาใช้ทุกวัน แม้จะมีรอยร้าวปรากฏ แต่แก้วใบนี้ก็ยังทนทานไม่ยอมแตกสักที

ด้านนอกฝนโปรยลงมาแล้ว เป็นสภาพอากาศที่ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย วันฝนตกแบบนี้ยอดขายขนมแบบตะวันตกจะลดลงมาก โดยเฉพาะขนมจําพวกเค้กสีสวยที่แต่งหน้าด้วยครีมสด ยอดขายจะลดไปถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากการถือกล่องเค้กขณะกางร่มไปด้วยนั้นเป็นเรื่องลําบาก

โยชิกิถอนหายใจ ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้รับผิดชอบขนมตะวันตกแล้ว แต่ก็ยังเผลอคิดถึงด้วยความเคยชิน

ชายหนุ่มไม่ค่อยถูกกับอากาศช่วงรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูร้อนเท่าไหร่ เพราะมันทําให้รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก และเวลาแบบนี้เขาก็ ทําอะไรไม่ได้นอกจากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพียงลําพัง

โยชิกิเปิดโทรทัศน์หมายจะดูอะไรให้รู้สึกร่าเริงขึ้น สายตาของเขา จ้องมองรายการถามตอบปัญหาเกี่ยวกับการหย่าร้างในจออย่างเหม่อลอย

สาเหตุของการหย่าร้างคือ ฝ่ายชายนอกใจ เป็นประเด็นซึ่งเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นปกติ แถมยังสอดคล้องกับเรื่องของฮาระอีก โยชิกิเหม่อลอยขณะคิดตาม

เขานึกสงสัยว่าฮาระจะหาเหตุผลบอกเลิกกับภรรยาอย่างไร เนื่องจากอีกฝ่ายไม่เคยเล่ารายละเอียดใดๆ ให้ฟัง แล้วทางเขาเองก็ไม่อยาก ให้ฝ่ายนั้นคิดว่ากําลังรอคอยอยู่ จึงไม่เคยถาม สิ่งที่โยชิกิทําได้ในตอนนี้มีแค่ รอให้เวลาผ่านไปจนครบสามปีเท่านั้น

การใช้ชีวิตที่ต้องเฝ้ารอชายคนรักหย่าร้างกับภรรยาเพื่อกลับมาหาตน มันดีจริงๆ หรือ

โยชิกิคิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง สมัยที่ยังคบกับฮาระทุกวันของเขานั้นแสนสนุกสนาน

ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ดําเนินไปด้วยดี ทั้งหมด เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตให้ผ่านไปวันๆ เช่นในตอนนี้แล้ว ชีวิตของเขา เหมือนดังสภาพอากาศที่แสนเฉื่อยชาภายนอก

โยชิกิตระหนักถึงรสนิยมทางเพศของตนเองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย เพราะแอบตกหลุมรักรุ่นพี่ในชมรมกรีฑาที่ตนสังกัดอยู่

รุ่นพี่คนนั้นร่างกายสูงใหญ่กํายํา มีกล้ามเนื้อ รูปร่างดีจากการฝึกฝน และเป็นรุ่นพี่ที่แสนอ่อนโยนใจดี ทั้งสองมักมีโอกาสได้ช่วยวอร์มอัพให้ กันบ่อยๆ แต่ละครั้งที่รุ่นพี่วางมือลงบนแผ่นหลัง เขาจะหวั่นไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ตลอด

ตอนนั้นโยชิกิเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาโอบกอดความ สงสัยและความคับข้องใจเรื่อยมาจวบจนกระทั่งวันหนึ่ง ในระหว่างฝึกเขาถูกรุ่นพี่ติเตียนว่าเหวี่ยงแขนผิดฟอร์ม

"นายต้องทําแบบนี้ต่างหาก"

รุ่นพี่ช่วยแก้ไขท่าที่ผิดโดยการโอบจากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดข้างใบหู เป็นผลให้โยชิกิรู้สึกพลุ่งพล่าน

เขากําลังเกิดอารมณ์ทางเพศและปั่นป่วนจากการรุมเร้าของความต้องการอันแรงกล้าเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพยายามทําให้ความร้อนรุ่มซึ่งวิ่งพล่านไปทั่วกายนี้สงบลงให้ได้เสียก่อน ทั้งที่รุ่นพี่ อุตส่าห์ช่วยสอนให้ แต่เขากลับไม่หลงเหลือคําแนะนําใดๆ ในสมองเลย

ทว่าหลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นโยชิกิจึงคิดว่ามันคงเป็นแค่ความหลงผิดซึ่งเกิดขึ้นได้ในช่วงวัยรุ่น

เขาเคยคบกับผู้หญิงมาแล้ว แม้ช่วงคบกันจะสุขสโมสร แต่ความ จริงสําหรับโยชิกิแล้วจะมีแฟนหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน เขาไม่ได้นึกชื่นชอบใคร เป็นพิเศษ จึงไม่มีทั้งฝ่ายถูกทิ้งหรือฝ่ายไล่ตาม

หลังจากนั้นก็ได้พบฮาระในมหาวิทยาลัย ฝ่ายนั้นเรียนที่โรงเรียน เตรียมของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งแต่มัธยมต้น เป็นคนที่มีตัวตนอยู่ในโลกซึ่ง โยชิกิไม่เคยรู้จัก หากไม่ได้นั่งข้างกันในวิชาบังคับแล้ว โยชิกิก็คงไม่ได้เป็น เพื่อนกับฮาระแน่นอน เพราะนอกจากเรื่องนั้นแล้วทั้งสองก็ไม่มีสิ่งใดเชื่อม โยงถึงกันเลย

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากการยืมสมุดโน้ต ใบหน้าหล่อคมเข้มของฮาระยิ้มตอบกลับมาขณะเอ่ยคําว่า

ขอบคุณ ทําให้ภาพลักษณ์แสนจะเป็นผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายฉายชัดในดวงตา ของโยชิกิ

จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น โยชิกิได้รู้ว่าฮาระเป็นคน

ทะเยอทะยาน แยกของชอบกับของไม่ชอบออกจากกันอย่างชัดเจน และยังมี ความเป็นผู้นําสูง ฮาระจะชอบยืนอยู่หัวแถวเสมอ

ด้วยเหตุนั้น โยชิกิจึงถูกผู้ชายในแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ดึงดูดอย่างง่ายดาย ทว่าตอนนั้นเขายังไม่อาจจําแนกรูปแบบความรักได้เนื่องจากมีประสบการณ์ในด้านนี้ไม่มากพอ ขณะที่ยังแยกแยะความต่าง ระหว่างมิตรภาพไม่ได้นั้น โยชิกิปรารถนาเพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันกับฮาระ อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็พอ

เพราะได้อยู่กับฮาระ โยชิกิจึงได้มีความทรงจําดีๆ มากมาย เขามี เพื่อนเพิ่มมากขึ้นและแต่ละวันก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

ครั้งแรกที่โยชิกิกับฮาระมีอะไรกันเป็นคืนวันฝนพรํา

ฮาระมาเที่ยวบ้านของโยชิกิและบ่นว่าฝนตก ขี้เกียจกลับบ้าน จึง ขอค้างคืนที่บ้านและโยชิกิก็ตกลง ด้วยเพราะคิดจะยึดเวลาอยู่ด้วยกันให้ นานขึ้นเหมือนอย่างทุกที อีกทั้งบ้านซึ่งมีแค่โยชิกิอาศัยอยู่คนเดียวนี้ก็อยู่ใกล้ มหาวิทยาลัย สมัยนั้นเลยมีเพื่อนมาขอค้างคืนอยู่ไม่น้อย

วันนั้นโยชิกิอยู่กับฮาระสองต่อสอง ภายในบ้านปิดหน้าต่างไว้ อากาศเลยไม่ถ่ายเทเท่าที่ควร สถานที่นอนคือห้องใต้หลังคาแคบๆ เมื่อปิด ไฟเรียบร้อย ทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืด โยชิกิรู้สึกได้ถึงลมหายใจของฮาระซึ่ง อยู่ไม่ห่างได้ในทันที

เพราะมีฮาระนอนอยู่ข้างๆ หัวใจของโยชิกิจึงเต้นโครมครามจนไม่มีทีท่าว่าจะหลับลง

ในตอนนั้นเองโยชิกิพลันรู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้ชอบฮาระแบบเพื่อน

แต่ชอบแบบคนรักต่างหาก

เมื่อรับรู้ถึงจิตใจตัวเอง ร่างกายก็เกิดร้อนรุ่มขึ้นมา เขาจึงพยายาม พลิกตัวไปอีกข้างเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ถึงจะหันหลังให้ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย

และจากนั้น...

"โยชิกิ

มือของฮาระยื่นมาสะกิดถามว่าตื่นอยู่หรือไม่ โยชิกิพยักหน้ารัวๆ แทนคําตอบทั้งที่ในห้องมืดจนมองอะไรไม่เห็น

"ฉันสนใจนายมาตลอดเลยนะ"

ขณะที่เขายังไม่ทันทําความเข้าใจกับความหมายของคําพูดนั้นฮาระก็คว้าจับที่ไหล่ ซ้ํายังรั้งกอดจนแน่นจากข้างหลัง ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือความสบายใจ

โยชิกิชอบความรู้สึกนี้ เขาไม่ได้อยากเป็นฝ่ายกอดใคร เพียงแค่ อยากเป็นฝ่ายถูกกอดเอาไว้แน่นๆ วินาทีนั้นเขาได้ประจักษ์ถึงสิ่งที่เฝ้าใฝ่หามาตลอด

ไม่ชอบที่ฉันทําแบบนี้หรือ?"

ริมฝีปากกดลงมาบนต้นคอขาว เส้นผมที่เริ่มยาวของฮาระตกลู่ลง มาคลอเคลียผิวกายของโยชิกิซึ่งยังอยู่ในอ้อมกอด

"...ไม่ได้ไม่ชอบ"

ผู้ชายที่แอบชอบกําลังสัมผัสร่างกายเขาอยู่ จะไม่ชอบได้อย่างไร

ถ้าอย่างนั้น...ได้ไหม?"

มือของฮาระลูบไล้จากไหล่ลงไปยังสะโพก สัมผัสเบาบางของนิ้ว เริ่มออกแรงกด ริมฝีปากพลันทาบทับกันแนบสนิท

ลิ้นหนารุกรานเข้ามาไล้เลียจนทั่วโพรงปาก ไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้า ถูกถอดออกไปตอนไหน ต้นขาทั้งสองแยกออกจากกัน ฮาระกอบกุมส่วนอ่อนไหวของโยชิกิไว้อย่างไม่ลังเล

ปลายนิ้วของฮาระสัมผัสรูดรั้งตรงๆ เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันจึง รู้ดีว่าปลุกเร้าตรงจุดไหนถึงจะทําให้รู้สึกดี พอโยชิกิรู้ตัวอีกที ส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างไร้ยางอายไปเสียแล้ว

ท่าทางจะรู้สึกดีนะ

"...อีก ไม่"

สีหน้าเขินอายปรากฏขึ้นในฉับพลันจนต้องยกแขนปิดหน้า เพียง แค่คิดว่าตอนนี้ตนกําลังทําหน้าเคลิบเคลิ้มสุดๆ อยู่ โยชิกิก็แทบน้ําตาไหลด้วยความอับอาย

"ไม่ต้องอายหรอก"

ฮาระว่าก่อนจะหัวเราะแผ่วเบา

อ๊ะ!"

จากนั้นโยชิกิสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เปียกชื้นแตะลงบนส่วนกลางกาย ทําให้ต้องก้มลงไปมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ฮาระกําลังรับเอาส่วนตั้งชัน ของเขาเข้าไปในโพรงปาก ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เห็นภาพอันแสนหยาบโลนเช่นนี้ โยชิกิแทบไม่อยากเชื่อว่าเขากําลังจะถูกอีกฝ่ายกลืนกิน

ส่วนอ่อนไหวผลุบหายเข้าไปในปากของฮาระจนสุดลําคอก่อนลิ้นชื้นแฉะจะเริ่มปรนเปรอความสุขให้ แม้โยชิกิจะตกใจจนเกือบขยับสะโพกหนี แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมถอนลิ้นออกไป

"อ๊า"

สะโพกมนสั่นไหวตามแรงดูดดุนที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนปลายที่ฉ่ำเยิ้มถูกครอบครองซ้ําๆ ทําให้ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวจนไม่อาจจําแนกได้ว่ากําลังรู้สึกดีอยู่หรือไม่กันแน่

กลุ่มเส้นผมบนศีรษะซึ่งคลอเคลียบริเวณสะโพกขยับไปมา ความอุ่นชื้นเปียกแฉะในโพรงปากสอนให้เขาได้รู้จักความสุขสมจนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

เขาถูกดึงเข้าไปในโลกที่ทําได้แค่ส่งเสียงร้องครวญครางเรื่อยๆเพียงอย่างเดียว หมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกนั้นเสียจนเปล่งเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ออกมา โยชิกิฝังหน้ากัดหมอนใบนุ่มเพื่อระบายความอึดอัด

“...ผ่อนแรงลงหน่อย

ฮาระว่าก่อนจะแทรกกายเข้ามาในร่าง ความเจ็บปวดและความรู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรงแล่นไปทั่วเมื่อช่องทางเบื้องหลังถูกแยกออกกว้าง ทว่าไม่นานก็พ่ายแพ้ให้กับความสุขสมในที่สุด

เขารู้สึกดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถูกปรนเปรอทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โยชิกิก็ปลดปล่อยออกมาหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่อาจต้านทาน ได้ สุดท้ายก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงทําได้แค่เสพสมความหฤหรรษ์ต่อไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

โยชิกิตื่นเต้นเมื่อเห็นภาพของฮาระหอบหายใจถี่รัวอยู่บนร่างตัวเองขณะขยับสะโพกด้วยสีหน้าคล้ายกําลังทรมาน และในวินาทีนั่นเองฮาระ ก็ปลดปล่อยความสุขเข้ามาในส่วนลึกที่สุด ภาพนั้นทําให้ความปิติยินดีของ

โยชิกิแทบจะระเบิดออกมา

 ถึงจะเจ็บก็ไม่เป็นไร เขามีความสุขเหลือเกิน

ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็มีเซ็กส์ราวกับสัตว์ป่าทุกวัน การที่ฮาระ มาบ้านของโยชิกิหลังเลิกเรียนหรือเลิกจากงานพิเศษกลายเป็นเรื่องปกติ

โยชิกิไม่เคยรู้จักความหฤหรรษ์เช่นนี้จึงโอนอ่อนคล้อยตามในไม่ช้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากอีกฝ่ายต้องการเขาก็พร้อมจะตอบสนอง ไม่ว่าอะไร ก็ทําได้ เป็นภาพความทรงจําที่ค่อนข้างผิดแปลกไปจากปกติ

หลังจากเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งคู่ก็ทํางานคนละที่และ มีวันหยุดไม่ตรงกัน โยชิกินั้นหยุดวันธรรมดา ส่วนฮาระหยุดวันเสาร์ ทําให้ทั้ง สองเจอกันน้อยลง นานๆ ครั้งหากได้หยุดตรงกัน ทั้งคู่จะมาค้างที่บ้านของ โยชิกิและใช้เวลาหมดไปกับการทําแต่เรื่องไร้ยางอายเพียงอย่างเดียว

แม้จะเป็นแบบนั้น แต่การทํางานก็สนุกราบรื่นดี แค่ได้ส่งอีเมล โต้ตอบกันบ้างเขาก็พอใจแล้ว เรื่องอนาคตเป็นความไม่แน่นอนซึ่งโยชิกิไม่เคยนึกถึง

เขาเคยเชื่ออย่างไม่มีเหตุผลว่าชีวิตเช่นนี้จะดําเนินต่อไปเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ถึงเพิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้มันช่างโง่เง่าจริงๆ

ฉันจะแต่งงาน...

โยชิกิยังจําได้ดีถึงวันที่ฮาระเอ่ยถึงเรื่องนั้น เป็นเช้าหลังตื่นจากนิทราที่พวกเขาต่างนอนเกยกอดกันดังเช่นเคย

"แต่งงานหรือ?”

ฮาระซึ่งกําลังจิบชาหันมาส่งยิ้มให้โยชิกิผู้นิ่งงันไป

ใช่ แต่งสักสามปีก็พอ แล้วค่อยหย่าหลังจากนั้น เป็นแผนที่ดีใช้ได้เลยว่าไหม?"

อีกฝ่ายเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน แต่สําหรับโยชิกิแล้วมันเป็นประโยคที่ทําให้ภาพเบื้องหน้าแทบมีดดับลง

“...แล้วคนที่นายจะแต่งด้วยล่ะ?” คําถามส่งกลับไปมีเพียงเท่านั้น

เป็นเพื่อนในที่ทํางานเดียวกัน น่าจะไปกันได้ดี

จากนั้นก็พูดต่ออย่างหน้าตาเฉยว่าจะแนะนําให้โยชิกิรู้จัก จะแนะนําอย่างไร บอกว่าเป็นเพื่อนหรือ ทั้งที่คบกันมาถึงขั้นนี้ตั้งหลายปีแล้วเนี่ยนะ

โยชิกิพยายามฝืนทําสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรพลางจิบชาในมือ แต่ลิ้นกลับไม่รับรู้รสชาอีกแล้ว เขารู้สึกแค่มีของเหลวอุ่นๆ ไหลผ่านลําคอลงไปเท่านั้น

นายชอบฉันใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา

ฮาระเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่เคยคิดว่าโยชิกิจะปฏิเสธตัวเองเลยสักครั้ง

เดี๋ยวเราก็มาเจอกันบ้างนานๆ ที ถ้าเป็นที่บ้านนายจะให้ฉันค้างคืนด้วยก็ยังได้"

ท้ายที่สุดแล้วเรื่องก็เป็นไปตามนั้น โยชิกิไม่อาจปฏิเสธการกระทําอันเห็นแก่ตัวของอีกฝ่ายได้เหมือนเคย

การคบกับชายผู้ที่กําลังจะแต่งงานถือเป็นเรื่องผิดศีลธรรม และยังเสียมารยาทกับคนที่จะมาเป็นภรรยาด้วย

โยชิกินึกภาพชีวิตที่ปราศจากฮาระไม่ออก เขารู้สึกกลัว แต่ก็ไม่ อาจยึดติดกับชายผู้ทิ้งเขาไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนได้เลยแม้แต่น้อย ขณะที่กําลังสับสน ปากก็เอื้อนเอ่ยคําพูดออกมา

เราเลิกกันเถอะ"

โยชิกิชิงพูดก่อนเพราะศักดิ์ศรีค้ําคอ เขาไม่อยากเห็นฮาระใช้ ชีวิตอยู่ร่วมกับใครคนอื่น เหนือสิ่งอื่นใดคือความเจ็บใจที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ตกลงแต่งงานโดยไม่เคยบอกหรือปรึกษากันเลยสักค้า

ฮาระพยักหน้ารับสบายๆ

เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลิกกันสักสามปีนะ

ฮาระยังคงมั่นใจว่าตัวเองนั้นไม่ผิดอะไรเลย โยชิกิเวียนหัวกับท่าทางที่ไม่เคยเปลี่ยนไปของอีกฝ่ายขึ้นมาทันที ดูท่าแล้วฮาระคงไม่สํานึก แม้แต่น้อยว่าได้ทําให้คนรักที่คบกันมานานต้องชอกช้ําใจ

การเป็นคนมองโลกในแง่ดีถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเจ้าตัวก็จริงแต่แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว

ช่วยรอฉันสักสามปีนะ"

โยชิกิไม่ตอบอะไร เขาสับสนจนไม่อาจให้สัญญาใดๆ ได้

ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาไอ้นี่วางไว้ตรงนี้นะ

เสื้อผ้าสําหรับเปลี่ยน แปรงสีฟัน และข้าวของส่วนตัวของฮาระถูก เก็บใส่รวมไว้ในถุงกระดาษเพื่อนํากลับ ฮาระถอดนาฬิกาข้อมือทิ้งไว้ให้เป็นที่ระลึก ทั้งที่มันเป็นของซึ่งชายหนุ่มให้ความสําคัญเป็นพิเศษมาตลอด

ของแบบนั้นฉันไม่ต้องการ...

ฮาระไม่สนใจเมื่อโยชิกิยืนกรานปฏิเสธ จัดการถอดนาฬิกาข้อมือแสนรักวางไว้บนชั้นวางรองเท้า

ฉันให้สัญญาแล้ว เพราะฉะนั้นสามปีหลังจากนี้ฉันจะมารับ จนกว่าจะถึงตอนนั้นนายช่วยรอก่อนนะ

ช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แต่โยชิกิที่ยังยอมรับจุมพิตจากคนแบบ นั้นก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากคนงี่เง่าไร้สติ

ฮาระเป็นคนประเภทไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางตลอด เรื่องนั้นโยชิก็รู้ดีอยู่เต็มอก การที่อีกฝ่ายทําแบบนี้เหมือนมองว่าเขา เป็นของตาย สุดท้ายแล้วคนที่ต้องเจ็บปวดก็คือตัวเขาเอง

ต้องรีบๆ ลืมผู้ชายพรรค์นั้น สัญญาอะไรนั่นเขาก็ไม่ได้รับปากว่าจะรอ โยชิกิสาบานต่อหน้าบานประตูหลังจากฮาระออกไป

ทว่าตั้งแต่วันนั้น เขาก็ยังคงไม่อาจก้าวผ่านมันไปได้

**************************************

copyright © . all rights reserved. designed by Color and Code

grid layout coding by helpblogger.com